เป้าหมายของการลงทุนในช่วงชีวิตหลังเกษียณคือ การมีเงินพอกินพอใช้ไปตลอดชีวิต และเมื่อถึงวัยเกษียณ รายได้จากการประกอบอาชีพจะหายไป
เงินได้จากกองทุนต่างๆ ในวัยเกษียณ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนประกันสังคม กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนอื่นๆ ที่เราสะสมไว้ หรือเงินได้จากการประกันชีวิตที่ครบสัญญา จึงจัดเป็น เงินได้ก้อนสุดท้าย ที่สำคัญยิ่งสำหรับช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ แต่ในขณะที่รายได้ลดลง รายจ่ายกลับตรงกันข้าม เพราะยิ่งอายุมากขึ้นก็จะยิ่งมีค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดมากขึ้น เช่น ด้านสุขภาพ และความจำเป็นที่จะต้องดัดแปลงที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมกับวัย
ดังนั้นการจัดสรรเงินให้ทำงานแทนเรา เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เพียงพอสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายจนถึงวันสุดท้ายจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ หากเราต้องการบั้นปลายชีวิตที่ราบรื่น มีความสุข
แนวคิดในการลงทุน กันเงินส่วนหนึ่งเป็นสภาพคล่องสำหรับ 1 ปีแรกหลังเกษียณ เพื่อให้มีเงินใช้จ่ายหมุนเวียนไปตลอด 1 ปี ไม่มีอะไรดีกว่าเงินฝาก กองทุนตราสารหนี้ที่ปลอดภัยมั่นคง สภาพคล่องสูง จากนั้นให้จัอสรรเงินออมที่หามาได้ทั้งชีวิตออกเป็น 3 ก้อน ซึ่งรูปแบบการลงทุนจะค่อยๆ เพิ่มการลงทุนเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้นเรื่อย
ก้อนแรก เป็นการลงทุนสำหรับ 10 ปีแรกหลังเกษียณ (60-70ปี) แบ่งเงินออกมา 65% ของเงินลงทุนที่มีอยู่โดยจะเน้นลงทุนสินทรัพย์ที่รับประกันผลตอบแทน เช่นเงินฝาก พันธบัตร หรือตราสารหนี้ที่มั่นคงสูง ซึ่งสามารถลงทุนแบบขั้นบันไดให้ทยอยครบอายุได้เช่น ลงทุนพันธบัตรอายุ 1ปี 2ปี 3ปี 5ปี ...10ปี ซึ่งจะได้เงินลงทุนและดอกเบี้ยที่ครบกำหนดในแต่ละช่วงมาใช้จ่ายในแต่ละปี ทั้งนี้ต้องดูด้วยว่าพันธบัตรที่มีขายนั้นมีรุ่นใด อายุใดบ้าง และเข้าถึงได้อย่างไร
ก้อนที่สอง สำหรับ 10 ปีที่สอง (70-80 ปี) แบ่งเงินออกมา 20% ของเงินลงทุนที่มีอยู่ โดยจะเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างรายได้และการเติบโตเช่น หุ้นที่มีปัจจัยพื็นฐานดี มีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ กองทุนอสังหาริมทรัพย์
ก้อนที่สาม สำหรับช่วงอายุ 80ปีขึ้นไป แบ่งเงินออกมา 15% ของเงินลงทุนที่มีอยู่ โดยจะเป็นเงินลงทุนเพื่อคาดหวังให้เงินลงทุนเติบโต เอาไปลงทุนในทองคำ หุ้น Growth Stock หุ้นต่างประเทศ
การลงทุนที่มีระยาเวลายาวนานกว่าจะมีความเสี่ยงที่ต่ำกว่า คนที่เกษียณอายุแล้วจึงสามารถลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายมากกว่าแค่เงินฝาก พันธบัตรรัฐบาล แต่ต้องเน้นความปลอดภัยเอาไว้ก่อน เพราะเป็นเงินก้อนสุดท้ายก็ต้องรักษาเงินต้นเอาไว้ให้ได้นานที่สุด เพราะฉะนั้นจะเอาไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงในอัตราส่วนสูงมากก็คงไม่ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น