: วรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.บัวหลวง จำกัด
สร้างความมั่นคั่งด้วยความฉลาด Financial Literacy คน
ในประเทศเราเคยชินกับเครื่องมือชนิดเดียวที่ช่วยให้เงินทำงานงอกเงยด้วยตัว
มันเองมานานหลายชั่วอายุคน นั่นคือ การฝากเงินธนาคาร
โดยได้รับดอกเบี้ยเป็นผลตอบแทน หากแบงก์ล้ม
เนื่องจากการปล่อยสินเชื่อที่หละหลวม
เนื่องจากการทุจริตของผู้บริหารและพนักงาน
หรือเนื่องจากผลพวงของพิษเศรษฐกิจครั้งใด
รัฐบาลก็จำเป็นจะต้องเข้าไปอุ้มชูแบงก์เพื่อไม่ให้พังไปทั้งประเทศ
เนื่องจากเส้นเลือดใหญ่ทางการเงินที่หล่อเลี้ยงกิจการต่างๆ ไม่ว่าจะใหญ่
กลาง เล็ก ก็คือแบงก์ หากปล่อยให้ล้มสัก 1 แบงก์มันจะลามไปทั้งระบบ
ทั้งประเทศ เพราะเมื่อคนตื่นตระหนกถอนเงินฝากออกกันทุกแบงก์พร้อมๆ
กันแบงก์จะเอาปัญญาไปหาจากไหนมาคืนได้ครบทุกคน
เพราะเงินฝากเหล่านี้แบงก์เอาไปปล่อยสินเชื่อให้ผู้กู้แล้ว
ผู้กู้ที่ไหนจะไปมีปัญญาใช้คืนแบงก์ได้ทันที
เงินที่เอาไปอุ้มแบงก์นั้นมาจากภาษีที่รัฐบาลจัดเก็บจากกิจการต่างๆ
และจากประชาชน ซึ่งนั่นก็คือความไม่เป็นธรรมในระบบ
จึงได้เกิดระบบการอุ้มแบงก์แบบจำกัดวงเงินขึ้นมา นั่นก็คือ สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.)
ถึง 11 สิงหาคม ปี 2555 จะคุ้มครองเงินผู้ฝากเหลือเพียงรายละ 1
ล้านบาทเท่านั้น สิ่งที่ตามมาหากแบงก์ที่เราฝากเงินเกิดล้มขึ้นมา
เราจะได้เงินฝากคืนตามจำนวนที่ฝากไว้ แต่ได้คืนไม่เกิน 1
ล้านบาทคนจนจะไม่กระทบเลย
เราเชื่อว่าการฝากเงินไม่มีความเสี่ยง ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดเอามากๆ
หากเรามีเงินเกิน 1 ล้านบาท
ก่อนจะฝากเงินเราก็ต้องดูด้วยว่าแบงก์ที่เราฝากเขามีฐานะการเงินที่มั่นคง
ไหม มีคณะผู้บริหารที่เก่งและดีหรือไม่ ไม่ใช่ดูแค่ดอกเบี้ย
เพราะหากเกิดอะไรขึ้นมา
ผู้จัดการแบงก์ที่ไหนก้ไม่มีปัญญาจะหาเงินมาตืนเราได้
ผู้ฝากเงินต้องเข้าใจมากขึ้นว่า เสี่ยงมากได้ดอกเบี้ยมาก
เสี่ยงน้อยได้ดอกเบี้ยน้อย
ให้เลือกฝากได้ตามอัธยาศัยและจะไม่มีแบงก์ไหนที่ฝากเงินแล้วไม่เสี่ยงอีก
แล้ว
นอกจากนี้แล้ว
เราต้องรู้จักแสวงหาช่องทางอื่นในการให้เงินทำงานด้วยตัวมันเองให้มากขึ้น
ไม่จำเป็นต้องติดอยู่กับการฝากเงินเพียงอย่างเดียวโดยเฉพาะเมื่ออัตรา
ดอกเบี้ยจากการฝากเงินยังมีระดับต่ำเอามากๆ แบบนี้
น่าเสียดายที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ ไม่รู้
หรือกลัวความเสี่ยงที่จะไปสัมผัสอะไรที่นอกเหนือไปจากเงินฝาก ทั้งๆ
ที่มีคนจำนวนมากขึ้นได้รับประโยชน์จากการแสวงหาช่องทางเพิ่มเติมจนพบสิ่ง
เหมาะสมกับเขา คนเหล่านี้มีจำนวนประมาณ 2 ล้านบัญชี
เขาเลือกให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม เมื่อใดที่คนไทยเริ่มเข้าใจแล้วว่า
โลกนี้ไม่ได้มีแต่เงินฝาก เข้าใจแล้วว่าความเสี่ยงมีอยู่ทุกหนแห่ง
และรู้ว่ามีช่องทางลงทุนอื่นๆ อีกมากที่จะทำให้เงินทำงานดีขึ้น เราก็เริ่ม
อ่านออก เขียนได้ ทางการเงินแล้ว
อย่าไปตกหลุมพรางของความไม่รู้ หรือความเชื่อผิดๆ
ที่ว่าตลาดทุนคือแหล่งการพนัน มันเป็นแหล่งพนันจริง
แต่ก็เฉพาะสำหรับนักพนันผู้หวังรวยทางลัดชั่วข้ามคืน
แต่เป็นแหล่งลงทุนและทางเลือกของผู้ที่ต้องการแสวงหาหนทางให้เงินเราทำงาน
ได้เป็นอย่างดีสำหรับนักลงทุนระยะยาว
ทั้งนี้หากไม่มีเวลา ไม่มีความรู้พอ
ก็ให้เริ่มด้วยการให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวมเหมือนคนอื่นๆ ที่ใช้ช่องทางนี้
โดยจัดสรรเงินลงทุนกระจายไปในช่องทางลงทุนต่างๆ ให้เหมาะสมกับตนเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น