ประกันชีวิต ประกันความมั่นคงเพื่อครอบครัวในอนาคต

ประกันชีวิต ประกันความมั่นคงเพื่อครอบครัวในอนาคต

วันเสาร์

การเลือกซื้อประกันสุขภาพ

ประกันสุขภาพ ถือเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพที่ต้องลงทุน และพิจารณาว่าตนเองมีบริการด้านสุขภาพมากน้อยเพียงใด ไม่ว่าจะเป้นประกันสุขภาพที่ได้จากองค์กร หรือสวัสดิการในภาครัฐ กองทุนประกันสังคม ว่าให้ความคุ้มครองค่าใช้จ่ายเพียงใดแล้วจึงค่อยเลือกซื้อเพิ่ม

ค่าห้องกับค่าพยาบาล เนื่องจากวิถีชีวิตของแต่ละคนแตกต่างกันไป บางคนอาจต้องการความเป็นส่วนตัว ต้องการความสะดวกสบายในทุกด้าน ขณะที่บางคนก็ไม่ได้เรื่องมาก สามารถนอนอยู่รวมกับคนอื่นๆ ได้ และค่าบริการต่างๆ ขณะที่ทำการรักษาตัวอยู่ก็ต้องมองให้ครบทุกด้านให้ตรงกับความต้องการ

การเลือกซื้อประกันสุขภาพ
 1. ศึกษาแบบประกัน แบบนี้คุ้มครองอะไรบ้าง ไม่คุ้มครองอะไรบ้าง จะครอบคลุมทันทีหรือต้องรอให้อยู่ในช่วงใดที่เรียกว่าระยะเวลารอคอย
      2. ระยะเวลาประกัน ความคุ้มครองที่สามารถซื้อประกันสุขภาพได้เมื่ออายุมากขึ้นหรือไม่ เช่น บริษัทประกันส่วนใหญ่ ที่ขายประกันสุขภาพซื้อได้ถึงอายุ 60 ปี ถามว่าพออายุ 60 แล้ว ไม่สามารถซื้อประกันสุขภาพได้ และเมื่อไม่มีประกันสุขภาพ นึกดูให้ดีว่าตอนอายุ 60 ปีเนี่ย โรคภัยไข้เจ็บเป็นเพื่อนแท้กับวัยนี้เลย ค่าใช้จ่ายเรื่องสุขภาพจะมาอันดับที่หนึ่งเลยก็ว่าได้ ซึ่งในปัจจุบันมีประกันสุขภาพที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะให้เลือกอยู่มากมาย การหาประกันสุขภาพ ควรดูว่าบริษัทนั่นๆ คุ้มครองสุขภาพถึงอายุเท่าไร ?
      3. การทำประกันสุขภาพที่มีประกันแบบผู้ป่วยนอก OPD ก็จะมีประโยชน์กว่า เพราะตามหลักจิตวิทยา คนเราส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากนอนโรงพยาบาล มองเผื่อไว้ก็ดี ปีนี้ไม่ได้ซื้อไว้ แต่คิดอีกนิด ถ้าแก่ๆ แล้วควรมีไว้เป็นทุนสำรองในอนาคตยามแก่เฒ่าต้องได้ใช้ ควรมีหลักประกันไว้เป้นทุนสำรองในอนาคตเพราะยิ่งอายุมากความเสี่ยงก็มากขึ้น
      4. ตรวจสอบโรงพยาบาลที่เข้าร่วม แบบไม่ต้องสำรองจ่ายเงินสด เผื่อไว้กรณีฉุกเฉินเงินขาดมือเมื่อป่วยจะได้มีตัวช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายได้  ยิ่งมีรายชื่อโรงพยาบาลเข้าร่วมโครงการด้วยมากเพียงไร ก็หมายความว่าคุณจะมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น
     5. ตรวจสอบเวลาการทำงานของฝ่ายพิจารณาสินไหมของ บริษัทประกัน  ควรสอบถามเวลาการทำงานของแผนกพิจารณาสินไหม เพราะบางแห่งถ้าเราเข้าโรงพยาบาลแล้วจำเป็นต้องออกจากโรงพยาบาลตอนเย็นๆ ค่ำๆ บริษัทปิดรับ Fax Cliam ไปแล้วต้องรอวันทำการวันพรุ่งนี้ ควรเลือกบริษัทประกันสุขภาพที่มีบริการแฟกซ์เคลม (FAX CLAIM)  ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
     6. ควรศึกษาตารางผลประโยชน์ให้ดี ว่าซื้อค่าห้องเท่านี้  องค์ประกอบภายในได้เท่าไร ค่าหมอ ค่าผ่าตัด ค่าใช้จ่ายทั่วไป ว่าพอดีกับยุคเศรษฐกิจและความต้องการในปัจจุบันหรือไม่ เพราะถ้าหากซื้อไปแล้วเราต้องออกส่วนต่างอีกมากมายก็จะพาลเสียความรู้สึกว่า ซึ่งปัจจุบัน ค่าใช้จ่ายค่าห้องของโรงพยาบาลสูงมาก บางโรงพยาบาลเป็นหลักหมื่นต่อวัน ให้เปรียบเทียบบริษัทประกันที่สามารถซื้อได้เผื่อถึงจุดนี้  เพราะต่อไปในอนาคตอาจมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องค่าห้อง จะได้อุ่นใจได้ว่าบริษัทประกันสามารถรองรับได้
     7. อย่าลืมศึกษา สอบถามตัวแทนว่า ถ้าต้องสำรองจ่ายไปแล้ว บริษัทจ่ายคืนเร็วหรือเปล่า ภายในกี่วัน
     8. สิ่งสำคัญนอกจากรู้จักตัวแบบประกันสุขภาพแล้วอย่างลืมดูฐานะการเงินของบริษัทประกัน  และดูบุคลิกภาพตัวแทนตลอดจนความรู้ความสามารถว่าจะสามารถบริการได้หรือเปล่า

เพียงเท่านี้คุณก็จะอุ่นใจได้ว่า สิ่งที่คุณตัดสินใจทำประกันแล้วไป คุ้มค่าจริงๆ …

เล่ห์อุบาย คนขายประกันชีวิต

เล่ห์อุบาย คนขายประกันชีวิต
1. รับเงินแล้วไม่นำส่งบริษัท ซึ่งมีอยู่หลายรูปแบบ เช่น รับเงินโดยไม่ออกใบเสร็จรับเงิน หรือรับเงินโดยออกใบเสร๊จรับเงินปลอม
2. ทำเอกสารข้อเสนอที่ให้ผลประโยชน์เกินความเป็นจริงตามกรมธรรม์ ซึ่งเป้นเล่ห์กลที่คนขายประกันชีวิตบางคน จัดทำข้อเสนอขึ้นมาเอง เพื่อหลอกลวงให้ลูกค้าหลงเชื่อ แล้วตัดสินใจทำประกันชีวิต ประกันภัย โดยที่ความเป็นจริงแล้วกรมธรรม์ลูกค้า จะไม่ได้รับผลตอบแทนเช่นนั้นจริงๆ
3. พูดโกหก พกลมเพื่อให้ขายประกันภัยกับลูกค้าได้ เช่น วิธีการหลอกล่อของทางธนาคาร เจ้าหน้าที่ธนาคารมักพูดให้ประชาชนสำคัญผิดว่าเป็นบริการอื่นๆของธนาคาร(เช่นเงินฝาก ฯ)  แต่พูดออกแนวว่ามันคือเงินฝากที่แถมประกัน มีดอกเบี้ยให้เหมือนฝากประกัน
4. ไม่แจ้งข้อมูลที่แท้จริงของลูกค้า ทำให้สัญญาไม่สมบูรณ์ ซึ่งสัญญาประกันชีวิต เป็นสัญญาที่งดเว้นความรับผิดชอบ จากกรณีที่ลูกค้าปกปิด หรือแถลงความอันเป็นเท็จในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ อันเป็นผลให้สัญญาเป็นโมฆียะ ซึ่งบริษัทประกันภัย ประกันชีวิตมีสิทธิ์ในการบอกล้างสัญญาได้ภายในระยะเวลา 2 ปี
5. ปลอมแปลงเอกสารของบริษัท หรือเอกสารของลูกค้า

คำแนะนำ
1. ขอหลักฐานการชำระเงินจากตัวแทนประกันชีวิตทุกครั้ง หรือการส่งเงินโดยตรงเข้าบริษัทประกันชีวิตเลย
2. ตรวจสอบกรมธรรม์ก่อนรับมอบเสมอ ดูข้อความที่เป็นส่วนสำคัญในกรมธรรม์ว่าตรงกับที่ตัวแทนประกันชีวิตแจ้งไว้หรือไม่
3. สามารถใช้สิทธิ์ Free Lock ลูกค้ามีเวลาในการตรวจสอบความถูกต้องของกรมธรรม์ 15 วัน นับจากวันลงนามรับมอบกรมธรรม์ หากไม่เป็นไปตามที่ต้องการ หรือไม่พอใจส่วนหนึ่ง ส่วนใดในสัญญา ลูกค้ามีสิทธิ์ในการบอกเลิกสัญญาได้ภายในระยะเวลา 15 วันนั้น โดยส่งกรมธรรม์คืนพร้อมแจ้งความประสงค์ขอยกเลิกกรมธรรม์
4. ตรวจสอบข้อมูลต่างๆ โดยตรงกับบริษัทประกันชีวิต เทียบกับข้อมมูลจากตัวแทนประกันชีวิต

วันศุกร์

ประกันสุขภาพ

การประกันสุขภาพเป็นการลงทุนเพื่อการดูแลสุขภาพ เป็นการประกันความเสี่ยงของการเกิดค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ในหมู่ประชาชนยามเจ็บป่วย โดยการประเมินความเสี่ยงโดยรวมของค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพและระบบสุขภาพ เรามักจะละเลยการดูแลสุขภาพเพราะเรายังแข็งแรงดีอยู่ สุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคนเรา

ในสัญญาประกัน โดยหลักเป็นเรื่องการคุ้มครองชีวิต และสัญญารองจะให้ความสำคัญเรื่องประกันสุขภาพ  หลักประกันสุขภาพหมายถึง ความคุ้มครองที่ให้สำหรับการชำระเงินของผลประโยชน์ที่เป็นผลมาจากความเจ็บป่วยหรือได้รับบาดเจ็บได้ รวมถึงการประกันภัยสำหรับความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุค่ารักษาพยาบาลความพิการหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุและการสูญเสียอวัยวะ

การประกันสุขภาพ เป็นการประกันภัยที่บริษัทประกันมีการตกลงที่จะชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการเจ็บป่วย จากโรคภัย หรือจากอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ

การเลือกซื้อประกันสุขภาพสามารถ
1. เลือกซื้อประกันสุขภาพกับบริษัทสุขภาพโดยตรง ไม่จำเป็นต้องซื้อประกันชีวิตก่อน
2. เลือกซื้อประกันสุขภาพ เป็นสัญญารอง หรือสัญญาเพิ่มเติมจากการซื้อประกันชีวิตที่มีอยู่

การจะลงทุนซื้อประกันสุขภาพนั้น ไม่ว่าเราจะตัดสินเลือกเพราะต้องการได้รับการรักาาดุแลที่ดี พักรักษาตัวในห้องที่มีความสะดวกสบายเพียงใด แต่สิ่งที่ต้องยอมรับคืออัตราเบี้ยประกันที่ต้องเลือกให้เหมาะสมกับงบประมารที่มี หากมีงบประมาณมากก็สามารถตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการ หากมีงบประมาณจำกัด อัตราการการจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพก็ต้องเลือกเอามาพิจารณาเป็นอันดับแรก แม้จะไม่สามารถตอบสนองทุกความต้องการได้ก้ตาม แต่ก็สามารถตอบสนองความจำเป็นเบื้องต้นก่อนได้ โดยปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดเบี้ยประกันสุขภาพแต่ละบุคคลจะสูงหรือต่ำ ประกอบด้วย อายุ, เพศ, สุขภาพ, อาชีพ, การดำเนินชีวิต เป็นต้น

รู้จักประกันชีวิต

รู้จักประกันชีวิต ประกันชีวิตนั้นถือเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตเรามั่นคงเพื่อที่จะวางแผนให้กับอนาคตของตัวเอง และในปัจจุบันนี้ประกันชีวิตก็ไม่ได้มีราคาแพงเหมือนเมื่อก่อนและมีตัวเลือกให้เราได้เลือกสรรมากมาย วันนี้เรานำเคล็ดลับดีๆ มาแนะนำ เพื่อที่จะได้เลือกที่ทำประกันชีวิตให้เหมาะสมกับตัวของคุณ

ประกันชีวิตเป็นบริการอย่างหนึ่งที่ให้หลักประกันเป็นเงินลงทุน และบริการดูแลสุขภาพควบคู่กันไปด้วย ซึ่งมีมากมายหลายแพ็กเกจที่บริษัทประกันจะจัดโปรโมชั่นเพื่อให้เหมาะสมกับลูกค้า โดยปกติแล้วมันจะจัดประกันชีวิตให้รวมกับการประกันสุขภาพไปด้วย ซึ่งประกันชีวิตคุณจะได้เงินปันผลหรือไม่เงินคืนเมื่อกรมธรรพ์สิ้นสุดลง แต่ประกันสุขภาพก็เหมือนเงินกินเปล่าทุกๆ ปี แต่จะปลอดภัยและคุ้มค่าเมื่อคุณไม่สบาย

การประกันชีวิต เป้นการสร้างความมั่นคงทางการเงินอย่างหนึ่งให้กับผุ้ที่ทำประกัน หรือผู้เอาประกันภัย ด้วยการโอนความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในชีวิต และทรัพย์สินไปให้บริษัทประกันชีวิต โดยมีข้อกำหนดว่าผุ้ที่เอาประกันชีวิตจะต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยให้กับบริษัทประกันชีวิตตามจำนวนเงินที่ระบุไว้ในสัญญา หรือที่เรารู้จักกันดีว่า กรมธรรม์ประกันชีวิต

บริษัทประกันชีวิตนั้นจะสัญญาว่าให้ ความคุ้มครอง ตามเงื่อนไขกรมธรรม์ในการจ่ายเงินผลประโยชน์ที่มีตามกรมธรรม์ให้แก่ผู้รับผลประโยชน์

สาเหตุที่เราต้องทำประกันภัย ประกันชีวิต เพราะการดำเนินชีวิตของเรามักมีความเสี่ยงเสมอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน การทำประกันชีวิตจึงเป็นการวางแผนทางการเงินเพื่อปกป้องความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับตนเอง และครอบครัวได้

ประโยชน์ที่จะได้รับจากการทำประกันชีวิต
1. เป็นการสร้างหลักประกัน เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าชีวิต คือความไม่แน่นอน เรารู้อยู่แล้วว่าชีวิตนี้เต็มไปด้วยความเสี่ยง หากคุณเป็นหัวหน้าครอบครัวคุรควรตระหนักว่า หากเกิดเหตุการณืไม่คาดฝันเกิดขึ้น ใครจะดุแลครอบครัวของคุณต่อไป หากมีการประกันภัยไว้ ก็จะมีเงินมาชดเชย หรือแบ่งเบาภาระความเดือดร้อนของครอบครัว
2. เป็นการวางแผนทางการเงินให้มีวินัย การทำประกันชีวิตส่วนใหญ่จะเป็นสัญญาระยะยาว ซึ่งในรูปแบบของประกันชีวิตส่วนใหญ่จะมีส่วนของการออมทรัพย์อยู่ด้วย เช่นการประกันไว้ให้มีทุนเลี้ยงชีพในวัยชรา สร้างมรดกเอาไว้ให้ครอบครัว หากมีการยกเลิกกรมธรรม์ระหว่างสัญญา เงินที่ผู้เอาประกันชีวิตได้รับคืนจะไม่เท่ากับเงินจำนวนเบี้ยประกันที่จ่ายให้กับบริษัท เพราะเบี้ยประกันส่วนหนึ่งถือเป็นการซื้อเพื่อความคุ้มครอง
3. เป็นการลงทุนที่ไม่สูญหายไปไหน   การลงทุนในประกันชีวิต ถือเป็นการลงทุนเพื่อให้ชีวิตได้รับความคุ้มครอง
4. มีประโยชน์ในการส่งเสริมธุรกิจ ในการทำธุรกิจนั้นไม่ว่าจะทำธุรกิจประเภทใดก้ตาม ต้องมีความคุ้มครอง ทั้งประกันวินาศภัย และประกันชีวิต เป็นการสร้างความเชื่อมั่น และความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นกับตัวธุรกิจของคุณเอง

ข้อควรรู้ก่อนที่คุณจะเลือกทำประกันชีวิต ซึ่งถือว่าเป็นอีกทางเลือกของการออม และยังได้การประกันที่ดูแลคุณตลอดชีวิต ดังนั้นจึงควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจ

บริการแฟกซ์เคลม (FAX CLAIM)

บางท่านสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงก็ถึงกับต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลกันเลยทีเดียว

แนะนำบริการบริการที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ทำประกันชีวิต ที่ทำประกันสุขภาพไว้กับบริษัทฯ บริการนี้เรียกว่า บริการแฟกซ์เคลม (FAX CLAIM)

บริการแฟกซ์เคลม เป็นรูปแบบการบริการจ่ายสินไหม ที่ใช้ระบบการพิจารณาอนุมัติผ่านทางแฟกซ์
โดยมีโรงพยาบาลเข้าร่วมโครงการกับทางบริษัท , ผู้เอาประกันเพียงยื่นบัตรประกันกับทางโรงพยาบาล จากนั้นรอเวลา ทางบริษัทประกันพิจารณา และตอบกลับไปทางโรงพยาบาล ถ้าหากค่าใช้จ่ายไม่เกินผลประโยชน์ที่ซื้อไว้ ก็ไม่ต้องจ่ายอะไรเลย ด้วยวิธีนี้ลูกค้าจะได้รับ ความสะดวก และ รวดเร็ว
 

ประกันสุขภาพเป็นสัญญาสุขภาพที่ให้ความคุ้มค่ารักษาพยาบาลต่างๆ อาทิ ค่าห้อง ค่าผ่าตัดหรือค่าแพทย์ที่เข้ามาดูแลเรา ฯลฯ

บริการ Fax claim  ดีอย่างไร
  1. ลดความกังวลของผู้ป่วยในการสำรองจ่ายค่ารักษา ไม่ต้องจ่ายเงินออกไปเองก่อน สนับสนุนให้ผู้ป่วยตัดสินใจเข้ารับการรักษาง่ายขึ้น
  2. ให้บริการ 24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุด ช่วยให้โรงพยาบาลสามารถประสานงานอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าของบริษัทประกันชีวิต
  3. บริษัทประกันชีวิตแต่ละบริษัท จะมีเครือข่ายโรงพยาบาล และคลีนิคทั่วประเทศ
FAX CLAIM Tips
  • ให้บริการเฉพาะกรณีนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลซึ่งเราเรียกว่า ผู้ป่วยใน เท่านั้น กรณีไปรักษาแล้วคุณหมอให้กลับบ้านไม่ต้องนอนค้างคืนที่โรงพยาบาล หรือนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลไม่ถึง 6 ชั่วโมงแบบนี้เราเรียกว่า ผู้ป่วยนอก จะไม่สามารถใช้บริการได้ (แต่สามารถยื่นเรียกร้องสินไหมชดเชยมาที่บริษัทประกันชีวิต)
  • ใช้บริการ FAX CLAIM ได้เมื่อสัญญาสุขภาพที่ซื้อไว้ครบระยะเวลา 3 เดือนขึ้นไปนับจากวันที่กรมธรรม์ประกันภัยมีผลบังคับ
  • อย่าลืมพกบัตรประจำตัวผู้เอาประกันติดตัวเสมอ
  • อย่าลืมชำระเบี้ยประกันภัยให้ตรงเวลาเพื่อรักษาสิทธิ์ในการใช้บริการ
  • หมั่นหาข้อมูลรายชื่อโรงพยาบาลที่สามารถใช้สิทธิ ใช้บริการ FAX CLAIM ไว้ หรือโทรหาศูนย์บริการลูกค้าของบริษัทประกันชีวิต
เพียงเท่านี้ คุณก็จะไม่พลาดการใช้บริการแฟกซ์เคลม (FAX CLAIM) ของบริษัทประกันชีวิตที่คุณได้ใช้บริการอยู่

ขอกู้ยืมเงินในกรมธรรม์ประกันชีวิต

แนะนำบริการ หนึ่งในทางเลือกที่ช่วยบรรเทาภาระทางการเงิน โดยเฉพาะท่านที่กำลังมองหาแหล่งเงินกู้ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

การใช้สิทธิกู้ยืมเงินในกรมธรรม์ประกันชีวิต โดยใช้กรมธรรม์ที่ยังมีผลบังคับอยู่มาเป็นหลักประกัน โดยจำนวนเงินที่กู้ยืมได้จะไม่เกินมูลค่าเงินสดตามที่ระบุไว้ในท้ายกรมธรรม์ และเป็นไปตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ ทั้งนี้จะมีการคิดอัตราดอกเบี้ยจากการกู้ยืมเงินเช่นเดียวกับการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน หรือแหล่งเงินกู้อื่นๆ แต่เป็นอัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างต่ำ (อัตราดอกเบี้ยจะเป็นไปตามที่บริษัทประกาศไว้โดยคิดจากอัตราดอกเบี้ยที่ใช้คำนวณเบี้ยประกันภัยบวกเพิ่มอีก 2% ต่อปี)

ดังนั้นการกู้ยืมเงินในกรมธรรม์ประกันชีวิตจึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และความกังวลใจให้กับผู้เอาประกันภัยจากภาระทางการเงิน

การขอกู้เงินตามกรมธรรม์ประกันชีวิต
1.     กรมธรรม์ทุกแบบที่ผู้เอาประกันชำระเบี้ยประกันตั้งแต่ 2-3 ปีขึ้นไป จนกรมธรรม์มีมูลค่าเงินสด สามารถใช้สิทธิ์ขอกู้เงินตามกรมธรรม์ได้
2.     ถ้าผู้เอาประกันยังไม่ได้ใช้สิทธิ์หยุดชำระเบี้ยประกัน ก็สามารถขอกู้เงินได้
3.     กรมธรรม์จะต้องมีผลบังคับโดยสมบูรณ์ ถ้ากรมธรรม์ขาดผลบังคับ หรือค้างชำระเบี้ยประกัน จะต้องต่ออายุสัญญากรมธรรม์ หรือชำระเบี้ยประกัน ที่ค้างชำระถึงงวดปัจจุบันให้เรียบร้อยก่อน
4.     กรณีผู้ขอกู้เงินตามกรมธรรม์ หรือผู้เอาประกันเป็นผู้เยาว์ จะต้องมีหนังสือให้ความยินยอมจากผู้ปกครอง
5.     กรณีมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการแทน ผู้รับมอบอำนาจ จะต้องมีหนังสือมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้เอาประกัน
6.     กรณีที่ผู้ลงนามในใบคำขอเป็นคนละคน กับชื่อผู้เอาประกันที่ระบุอยู่ในสัญญากรมธรรม์ ให้ผู้ที่ลงลายมือชื่อในใบคำขอมีสิทธ์ขอกู้เงินตามกรมธรรม์
7.     กรณีผู้ขอกู้เงินไม่สามารถเซ็นชื่อได้ ให้พิมพ์ลายนิ้วหัวแม่มือของผู้กู้ และให้ระบุว่าเป็นลายนิ้วมือข้างใด พร้อมให้พยานเซ็นชื่อรับรอง 2 คน

เอกสารประกอบ : การขอกู้เงินตามกรมธรรม์
กรณีผู้เอาประกันติดต่อด้วยตนเอง
1. กรมธรรม์ประกันชีวิต (ฉบับจริง)
2. หนังสือสัญญากู้ยืมเงิน
3.บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัวอื่นที่ออกโดยทางราชการ (ฉบับจริง)
4. สำเนาบัตรของผู้เอาประกันภัย ที่ลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง

กรณีผู้เอาประกันให้ผู้อื่นดำเนินการแทน
1. กรมธรรม์
2. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้เอาประกัน พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง
3. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ ที่ลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง
4. หนังสือมอบอำนาจ ตามแบบฟอร์มของบริษัท ติดอากรแสตมป์ 10 บาท
5. บัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ (ผู้รับมอบอำนาจ ต้องอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป)

กรณีกรมธรรม์สูญหาย
ผู้เอาประกันต้องใช้ใบแจ้งความ เพื่อออกกรมธรรม์ใหม่ก่อน จึงจะสามารถใช้สิทธิกู้เงินได้

สถานที่ติดต่อ-ยื่นเรื่อง
สำนักงานใหญ่ ส่วนบริการผู้เอาประกัน และ ที่ทำการสาขาทั่วประเทศ


วันพฤหัสบดี

เก็บเงินไว้ใช้ยามเกษียณให้คุ้มค่าด้วย RMF และ LTF


source: ก.ล.ต. , บลจ.บัวหลวง
หลายๆ คนมองว่าการวางแผนเพื่อวันเกษียณนั้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่จะมีสักกี่คนที่ให้ความสำคัญถึงระดับ สิ่งจำเป็น และนำไป ปฏิบัติจริง เหตุผลที่มักใช้อ้างเพื่อไม่เก็บเงินก็คือ ยังมีเวลาอีกนานกว่าจะเกษียณ มีความจำเป็นต้องใช้เงินมากกว่าเก็บไว้เฉยๆ หรืออาจจะคิดว่ามีลูกหลานคอยเลี้ยงดูอยู่แล้ว และบางส่วนก็นึกไม่ออกว่าหลังเกษียณจะต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรกันมากมาย

แต่ในความเป็นจริงคุณแน่ใจกับเหตุผลเหล่านั้นแค่ไหน

ถ้าวันนี้คุณอายุ 35 ปี เตรียมเกษียณเมื่ออายุ 60 ปี ถ้ายังไม่เริ่มเก็บเงินตั้งแต่วันนี้คุณจะเริ่มเมื่อไร 40? 50? หรือ 59? ปี แล้วเวลาเพียงเท่านั้นเพียงพอสำหรับการเก็บเงินไว้ใช้หลังเกษียณที่มีแต่รายจ่าย อีกถึง 20 ปี หรือไม่ หากคุณอายุยืนถึง 80 ปี

RMF และ LTF  กองทุนรวมทั้ง 2 ประเภทนี้แม้จะมีลักษณะเด่นเหมือนกัน แต่ก็ยังมีความแตกต่างกันในรายละเอียด ซึ่งเริ่มตั้งแต่จุดกำเนิดเริ่มต้นของ

   RMF (กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ retirement mutual fund) เป็นกองทุนรวมที่เกิดขึ้นจากแนวคิดที่ต้องการสนับสนุนวินัยการออมในระยาวเพื่อวัยเกษียณเมื่อพ้นจากงานและไม่มีรายได้ประจำแล้ว

   LTF (กองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ long-term equity fund) เป็นกองทุนรวมที่เกิดมาจากแนวคิดที่ต้องการส่งเสริมการลงทุนระยะยาวในหุ้นจดทะเบียนในตลาดรอง เช่น SET และ MAI เพื่อช่วยให้ตลาดทุนไทยมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น และยังช่วยสร้างวินัยในการออม ของผู้ลงทุนรายย่อยในระยะยาวมากยิ่งขึ้นด้วย

RMF และ LTF ต่างกันอย่างไร
และเมื่อกองทุนรวมทั้งสองประเภทต่างก็เน้นการลงทุนระยะยาว ทางการจึงสนับสนุนสิทธิประโยชน์ทางภาษี ให้แก่ ผู้ลงทุนเพื่อเป็นการจูงใจ